ไอสไตล์พบ พระพุทธเจ้าเห็น

1347683198.jpg
มีหลายท่านเข้าใจว่า ธรรมะกับวิทยาศาสตร์เป็นคนละเรื่องกัน 
แต่ตามความเห็นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคิดว่า เป็นคนละเรื่องเดียวกัน เพียงแต่วิทยาศาสตร์สมัยนี้ ยังไม่ละเอียดอ่อนเพียงพอที่จะเข้าถึงหรืออธิบายธรรมะได้ 
“ในเมื่อธรรมะคือสภาวะความจริงของธรรมชาติ หากเราจะพูดเรื่องนี้ในกรอบของเซต (set) แล้ว วิทยาศาสตร์เป็นเพียงเซตย่อย (subset) ของเซตใหญ่ ที่เรียกว่าธรรมะนั่นเอง” (24 January 2007, Dayvil) 
ปริศนาคำพูดของอัลเบิร์ต ไอสไตล์ กล่าวถึงพระพุทธศาสนาก่อนเสียชีวิต ถึงแม้อัลเบิร์ต ไอสไตล์ ได้จากโลกนี้ไปโดยที่เขายังไม่สามารถค้นพบตำตอบตามที่เขากำลังต้องการก็ตาม แต่ไอสไตล์ได้ทิ้งคำพูดที่เป็นปริศนาที่สำคัญมากให้กับมนุษยชาติ ในช่วงวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของเขา อัลเบิร์ตได้เริ่มสงสัยแล้วว่า พระพุทธศาสนา อาจจะเป็นศาสนาที่ให้คำตอบต่อคำถามที่เขากำลังพยายามค้นหา ในช่วง 1 ปีก่อนที่เขาจะเสียชีวิตนั้น มหาวิทยาลัยปรินซ์ตัน ได้ตีพิมพ์งานเขียนชิ้นหนึ่งของเขาชื่อเรื่อง “The Human Side” ซึ่งนักฟิสิกส์ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลผู้นี้ ได้กล่าวทิ้งท้ายให้เป็นปริศนาแห่งโลกอนาคตว่า 

“The religion of the future will be a cosmic religion. It should transcend a personal God and avoid dogmas and theology. Covering both the natural and the spiritual, it should be based on a religious sense arising from the experience of all things, natural and spiritual, as a meaningful unity. Buddhism answers this description. If there is any religion that would cope with modern scientific needs, it would be Buddhism.” 

(May 19th, 1939, Albert Einstein’s speech on “Science and Religion” in Princeton, New Jersey, U.S.A.)” 

“ศาสนาในอนาคต จะต้องเป็นศาสนาสากล ศาสนานั้นควรอยู่เหนือพระเจ้าที่มีตัวตน และควรจะเว้นคำสอนแบบสิทธันต์ (คือเป็นแบบสำเร็จรูปที่ให้เชื่อตามเพียงอย่างเดียว) และแบบเทววิทยา(คือพึ่งเทวดาเป็นหลักใหญ่) ศาสนานั้น เมื่อครอบคลุมทั้งธรรมชาติและจิตใจ จึงควรมีรากฐานอยู่บนสามัญสำนึกทางศาสนา ที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ต่อสิ่งทั้งปวง คือ ทั้งธรรมชาติและจิตใจอย่างเป็นหน่วยรวมที่มีความหมาย พระพุทธศาสนาตอบข้อกำหนดนี้ได้....ถ้าจะมีศาสนาใดที่รับมือได้กับความต้องการทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ปัจจุ บัน ศาสนานั้นก็ควรเป็นพระพุทธศาสนา” 

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์ ชาวเยอรมัน ผู้เสนอทฤษฏีสัมพันธภาพ ศาสนาเดียวที่จะเหลืออยู่ในโลกอนาคต ก็คือ ศาสนาที่ถือว่าเป็นวิวัฒนาการตามกฎของธรรมชาติ เหมือนกับที่ไอสน์ไตน์เขาพูดไว้ว่า 

“ศาสนาที่เหลืออยู่ในโลก ก็คือศาสนาที่สามารถเผชิญกับความต้องการของโลกแห่งยุคปัจจุบัน” 

แต่......กว่าจะถึงเวลานั้นเกรงว่า............โลกจะไม่เหลือผู้คนให้นับถือศาสนา 

วิกฤติคุณธรรมกำลังกลายเป็นวิกฤติโลก !!!! 

- สหรัฐฯ และรัสเซียมีหัวรบพร้อมใช้มากกว่า 26,000 หัวรบเก็บไว้ รวมถึงการเพิ่มสมรรถนะยูเรเนียมและพลูโตเนียม และข้อเสนอให้มีการทำลายนิวเคลียร์ทั่วโลกล้วนได้รับการปฏิเสธ 

- หลายประเทศต่างกำลังพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกาหลีเหนือ,ปากีสถานและอิหร่าน 

นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลกได้ร่วมกันขยับ ”นาฬิกาโลกาวินาศ” (Doomsday Clock) 

ให้เหลือเพียง 5 นาที เพราะนอกจากปัญหาวิกฤตินิวเคลียร์แล้วเรายังต้องเผชิญกับปัญหาวิกฤติอื่นๆซึ่ง ร้ายแรงและสามารถทำลายโลกได้เช่นกัน เช่น 

- วิกฤตปัญหาโลกร้อน 
- เทคโนโลยีที่ทำให้เกิดมลพิษ 
- การเติบโตของนาโนเทคโนโลยี 
- ความก้าวหน้าทางด้านพันธุกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพ 
- สงครามศาสนาและการก่อการร้ายด้วยอาวุธชีวภาพ 

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

ติชม


ต้องการให้คะแนนบทความนี้่ ?

สร้างโดย :


krununa

สถานะ : ผู้ใช้ทั่วไป
วิทยาศาสตร์